ใครคิดว่า Panerai เป็นแค่นาฬิกาแฟชั่น จงเข้าใจเสียใหม่
ฟลอเรนซ์คือบ้านเกิดของ Panerai โดยปัจจุบันแบรนด์นาฬิกาชื่อดังนี้ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่มิลาน และมีโรงงานผลิตที่เนอชาแตล นาฬิกา Panerai เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลกเพราะหลายเหตุผลด้วยกัน บ้างก็มองว่า Panerai เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมสมัย หรือเป็นแฟชั่นบ้างก็มองถึงเรื่องความแข็งแกร่ง สมบุกสมบัน แต่ไม่ว่าจะมองมุมใด สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธ หรือ เปลี่ยนแปลงได้เลยก็คือ ... ประวัติศาตร์
ใช่แล้วครับคำตอบคือประวัติศาตร์ เพราะแม้ว่าคนจำนวนมากจะคิดว่า Panerai เป็นแบรนด์ที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานแต่ในความเป็นจริงแล้ว Panerai ดำเนินกิจการนานกว่าศตวรรษครึ่งแล้ว สาเหตุที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงสังคมมาก่อนหน้านี้ก็เพราะว่า เดิมทีนั้นผลิตภัณฑ์ Panerai มีไว้ขายให้กับกองทัพเป็นหลัก
จุดเริ่มต้นของ Panerai ในปี ค.ศ. 1860 คือฟลอเรนซ์ เมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะและวิทยาศาตร์ในยุคเรอเนสซอง ธุรกิจครอบครัวนี้เป็นร้านนาฬิกา ร้านแรกของเมือง และในภายหลังจึงได้เป็นผู้ผลิตหรือจัดหาอุปกรณ์ความเที่ยงตรงสูงแบบต่างๆ ให้กับกองทัพเรืออิตาเลียน ในการนี้ Panerai มีการคิดค้นสารเรืองแสงสุดล้ำสมัยชนิดหนึ่งขึ้น ซึ่งเรียกชื่อว่า Radiomir เพราะมีส่วนผสมของเรเดียม เมื่อนำสารชนิดนี้บรรจุในหลอดใส แล้วไปติดตั้งบนยุทธภัณฑ์ต่างๆ ก็จะทำให้ทหารสามารถใช้งานสิ่งนั้นได้ในที่มืด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือวัดต่างๆ ศูนย์เล็งบนอาวุธและแม้แต่เครื่องยิงตอร์ปิโด
ด้วยเหตุนี้เอง Panerai จึงได้รับความไว้วางใจเมื่อทางกองทัพเรือต้องการให้มีการผลิต "นาฬิกาเรืองแสงพิเศษสำหรับนักดำน้ำในทะเล" ในปี ค.ศ. 1935 จนนำไปสู่การผลิตนาฬิกาต้นแบบเรือนแรกในปีถัดมาและการผลิตนาฬิกาในชื่อ Radiomir จริงในปี ค.ศ. 1938 จนมีนาฬิกา Luminor ซึ่งมีอุปกรณ์พิเศษที่กดทับเหนือเม็ดมะยมตามมาในเวลาสิบกว่าปีให้หลัง เมื่อถึงจุดนี้แล้วเราจะข้ามเวลามาถึงยุคปัจจุบันเลยดี หรือว่าขุดลึกลงไปในอดีตเพื่อให้เห็นถึงหน้าบทต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างทางนั้น
ในครั้งนี้ Panerai เลือกที่จะทำอย่างหลังด้วย การจัดนิทรรศการใหญ่ในชื่อ "History and Legend" ที่ประเทศสิงคโปร์ ในช่วงเงียบสงบราวหนึ่งเดือนก่อนที่ Watches & Wonders ปีนี้จะเริ่มต้นขึ้น ฉากหน้าอาคารที่มีรูปทรงคดเคี้ยวและมีแผ่นกระจกประดับประดาของห้าง ION บนถนนออร์ชาร์ดส์ ช่างแลดูตัดกับอาคารชั่วคราวสีดำสนิทที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าเสียจริง
นิทรรศการดังกล่าวจึดขึ้นเป็นระยะเวลา 11 วัน และได้รับความสนใจจากนักสะสม ลูกค้าทั่วไปและสื่อมวลชนในประเทศสิงคโปร์เป็นอย่างมาก นี่คือโอกาสพิเศษที่ผู้สนใจจะได้ชมนาฬิการุ่นสร้างประวัติศาตร์ของ Panerai หลายรุ่น ซึ่งแน่นอนว่าต้องมี Radiomir และ Luminor รุ่นแรกๆ ด้วย ยกตัวอย่างเช่น Radiomir รุ่นหนึ่งซึ่งมีขอบตัวเรือนแบบพิเศษ แกะสลักข้อความ "OFFICINE PANERAI - BREVETTATO" ซึ่งหมายความว่าจดสิทธิบัตรแล้วโดย Officine Panerai นาฬิการุ่นหายากนี้ผลิตโดย Rolex ที่กรุงเจนีวา ตามคำสั่งของ Panerai และนำส่งกองทัพเรืออิตาเลียนใปี ค.ศ. 1936 ในฐานะนาฬิกาต้นแบบเรือนแรกสุดเรือนหนึ่ง
"ความมุ่งมั่นของมนุษย์ในการเอาชนะทุกข้อจำกัด บุกเบิกสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ และปรับปรุงสิ่งที่เดิมดีอยู่ แล้วให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น"
ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Radiomir เรือนที่ตั้งแสดงอยู่ข้างกัน แต่บนหน้าปัดไม่มีเขียนชื่อ หรือคำใดๆ ทั้งสิ้นจากข้อมูลในแฟ้มบันทึก พบว่าเหตุผลที่เลือกผลิตนาฬิกาเช่นนั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสืบหาโรงงาน Panerai พบแล้วมาทำลายได้ ในกรณีที่นาฬิกาตกไปอยู่ในมือของศัตรู และป้องกันไม่ให้สายลับสะกดรอยตามนาฬิกา Panerai จากโรงงานไปยังฐานที่มั่นของหน่วยคอมมานโดได้
Radiomir L'Egiziano เรือนยักษ์ขนาด 60 มม. คือนาฬิการุ่นดังในหมู่นักสะสมที่ Panerai ผลิตให้กับกองทัพเรืออียิปต์เมื่อปี ค.ศ. 1956 ความพิเศษที่นาฬิการุ่นนี้มีแต่ Radiomir เรือนอื่นไม่มีก็คือขอบตัวเรือนหมุนได้พร้อมเครื่องหมายกำกับทุกห้านาที และมีอุปกรณ์ป้องกันกดทับเหนือเม็ดมะยมแล้ว ได้เห็นแล้วก็ตื่นเต้น แต่ไม่แปลกใจเพราะว่าเคยเห็นภาพกันบ่อยแล้ว ที่ชวนสงสัยจริงๆ เห็นจะต้องเป็นนาฬิกาที่ตรงป้ายอธิบายเขียนว่าเป็นรุ่นตรงช่วงรอยต่อหรือ "transitional" หน้าปัดเขียน "MARINA MILITARE" ด้านบน และ "LUMINOR PANERAI"
ด้านล่าง ตัวเรือนดูไปแล้วในทำนองเดียวกันกับทรง Radiomir 1940 ดังนั้นชื่อ Luminor ที่เห็นบนหน้าปัด จึงเป็นการช่งบอกถึงประเภทของสารเรืองแสงที่ใช้ ไม่ใช่เรื่องของรูปทรงตัวเรือนแต่อย่างใด
การบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของแบรนด์สำคัญจากฟลอเรนซ์นี้จะสมบูรณ์ไม่ได้เลย หากไม่แสดงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่ได้ผลิตให้กับกองทัพเรือด้วยอุปกรณ์ดังกล่าว ได้แก่ เกจ์วัดระดับความลึก ซึ่งปรับตั้งไว้สำหรับการใช้งานในระดับ 15 เมตรสำหรับภารกิจจู่โจม หรือ 30 เมตรสำหรับภารกิจซ่อมบำรุง นอกจากนั้นยังมีเข็มทิศแบบผูกติดข้อมือเพื่อให้พลรบใช้หาทิศทางขณะดำลึกอยู่ใต้น้ำ เข็มทิศ เหล่านี้ต้องมีขนาดใหญ่ด้วยโครงสร้าง และเพื่อให้มองเห็นชัด เครื่องหมายต่างๆ มีการใช้สารเรืองแสงที่สว่างมากเสียจนต้องทำฝาครอบสีดำมาปิดในภายหลัง เพื่อไม่ให้ไปเข้าตาฝั่งตรงข้ามเสียก่อน
แต่ถ้าต้องส่งสัญญาณหาพวกเดียวกันจริงๆ แล้ว เขาก็จะมีไฟฉาย ELUX Torch เพื่อการใช้งานใต้น้ำ ผลิตโดย Panerai เอง ตัวบอดี้เป็นโลหะหุ้มยางหรือพลาสติกผสมเพื่อไม่ให้ถูกน้ำทะเลกัดกร่อน ภายในมีการชดเชยแรงดัน และมีกลไกล็อคเพื่อป้องกันไม่ให้กดเปิดไฟฉายโดยไม่ต้องใจ มิฉะนั้นอาจอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะจะกลายเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของตนเอง
สำหรับไฮไลท์สำคัญของงานนี้ Panerai เลือกเป็นแบบจำลอง "ตอร์ปิโดมนุษย์" ความยาว 7.5 เมตร อันโด่งดังที่คนซึ่งเพิ่งเริ่มมารู้จักกับแบรนด์ Panerai จะคิดว่าเป็นอาวุธ แต่ที่จริงแล้ว SLC หรือ Siluro a Lenta Corsa เป็นยานพาหนะขับเคลื่อนใต้น้ำที่เหล่าทหารช่างพัฒนาขึ้นให้หน่วยคอมมานโดใช้ออกไป ปฏิบัติภารกิจไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์ของ Panerai แต่ที่มาเกี่ยวข้องกับแบรนด์ได้ก็เพราะคอมมานโดเหล่านั้นสวมใส่นาฬิกา Panerai ออกไปด้วยเสมอนั่นเอง
นาฬิกา Panerai อาจจะดูเรียบสไตล์มินิมอล แต่ในความเรียบนั้นคือความแกร่ง และมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนเรื่องราวของ Panerai คือเป็นตำนานแห่งวิวัฒนาการบนพื้นฐานของการใช้งานจริง นาฬิกา Panerai ในวันนี้อาจไม่ได้ผลิตมาเพื่อให้ใส่ไปรบกับใครแล้ว แต่แม้กระนั้นก็ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงความมุ่งมั่นของมนุษย์ในการเอาชนะทุกข้อจำกัด บุกเบิกสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ และปรับปรุงสิ่งที่เดิมดีอยู่แล้วให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อย่างนี้สิ ถึงจะเป็นแก่นแท้ของ Panerai
ที่มา : นิตยสาร wow complications issue