Chateau des Brumes " La Fleur "
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อไวน์ยี่ห้อดังและหนึ่งในไวน์ที่แพงที่สุดในโลกอยู่ในเมืองไทย
อเล็กซิส ลิชิน (Alexis Lichine) นักเขียนที่ได้ชื่อว่าเป็นเอนไซโครพีเดียแห่งไวน์คนหนึ่งของโลก กล่าวหลังจากตัดสินใจซื้อ Chateau Prieure – Lichine ไวน์ชั้น 4 แห่ง ต.มาร์โกซ์ เมื่อปี 1951 โดยนัยแห่งความหมายก็คือ
“หนทางเดียวที่อยากรู้เกี่ยวกับไวน์ก็คือต้องดื่มเท่านั้น”
เช่นเดียวกันใครที่อยากรู้ว่า “ชาโต เดส์ บรูมส์” รุ่น “ลา เฟลอร์” (Chateau des BrumesLa Fleur) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นไวน์ไทยที่ราคาแพงที่สุดในโลก รสชาติจะเป็นอย่างไรก็ต้องดื่มเท่านั้น
ชาโต เดส์ บรูม (Chateau des Brumes) รุ่น “ลา เฟลอร์” (La Fleur) เป็นไวน์รุ่นพิเศษของVillage Farm & Winery
ผลิตจากองุ่นชิราซ (Shiraz) เป็นหลัก จากไร่องุ่นวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา มีส่วนผสมของกาแบร์เนต์ โซวีญยอง เล็กน้อย ภายใต้การดูแลของไวน์เมกเกอร์จากฝรั่งเศส นำโดยฌาคส์ ลากู และทีมงาน
การใช้ชิราซเป็นหลักผสมผสานกับกาแบร์เนต์ โซวีญยอง แบบนี้ส่วนใหญ่เป็นสไตล์การผลิตไวน์ที่ไวน์เมกเกอร์ออสเตเลียชอบทำกันมาก เนื่องจากผลผลิตชิราซของออสเตรเลียมีคุณภาพเยี่ยม ในเมืองไทยก็เช่นเดียวกันไวน์แดงส่วนใหญ่ใช้ชิราซเป็นหลัก เนื่องจากปลูกชิราซได้ดีกว่าพันธุ์อื่น ๆ มีพันธุ์อื่นผสมบ้างเล็กน้อย
“ลา เฟลอร์” ใช้องุ่นที่ปลูกในไร่ซึ่งห่างจากที่ทำการของวิลเลจฟาร์มประมาณ 20 กม.เป็นไร่ที่เจ้าของบอกว่ามีครบถ้วนทั้งดินฟ้าอากาศ ลมภูเขา และลมทะเล โดยเฉพาะลมทะเลที่ห่างจากทะเลประมาณ 70 กม.เศษเท่านั้น ทำให้ได้รับลมทะเลอย่างเต็มที่ เหมือนไร่องุ่นหลาย ๆ แห่งในฝรั่งเศส และอีกหลายแห่งที่ผลิตไวน์คุณภาพเยี่ยมชาโต เดอ บรูมส์ รุ่นลา เฟลอร์ ผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัด (Limited Edition) ประมาณ 1,000 ขวดเท่านั้น และทุกขวดมีหมายเลขประจำ
“ชาโต เดส์ บรูมส์” (Chateau des Brumes) ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ปราสาทในหมอก เพราะบรรยากาศรอบ ๆ เย็นและเต็มไปด้วยหมอก นายวีรวัฒน์ ชลวนิช ผู้ก่อตั้ง Village Farm & Winery ซื้อที่บริเวณนี้ไว้เยอะ เดิมเป็นทุ่งหญ้า ป่าเสื่อมโทรม และไร่มันสำปะหลัง ใช้เวลาประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมาพัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็น ข้าวโพดหวาน มันฝรั่ง และผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ จึงเนรมิตพื้นที่ 200 ไร่ให้เป็นไร่ เป็นไร่องุ่นพัฒนาคุณภาพน้ำองุ่นสดสำหรับดื่มจนเป็นที่รู้จักกันดี
“ชาโต เดส์ บรูมส์”ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับไวน์ไทยด้วยกัน เหมาะสำหรับลูกค้าระดับกลางถึงสูง
ปัจจุบัน Village Farm & Winery ผลิตไวน์หลากหลายรุ่น พร้อมทั้งการบริการอีกหลายรูปแบบ โดยด้านหน้าของที่ทำการเป็นที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือน ร้านค้า ร้านอาหาร ห้องสมุด และที่พักแบบโฮมสเต มองลงไปด้านล่างจะเห็นไร่องุ่นส่วนหนึ่ง และโรงงานผลิตไวน์ที่ตกแต่งโดยใช้หินภูเขาเป็นหลัก
ขอบคุณภาพและบทความจาก : www.sereechai.com